Brand Experience คืออะไร

Brand Experience คืออะไร

ประสบการณ์แบรนด์ (Brand Experience) คือประสบการณ์ทั้งหมดที่ลูกค้าได้รับจากแบรนด์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

ประสบการณ์ทางกายภาพ (Physical Experience) เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การให้บริการ เป็นต้น
รูปภาพประสบการณ์ทางกายภาพของแบรนด์เปิดในหน้าต่างใหม่

ประสบการณ์ทางกายภาพของแบรนด์
ประสบการณ์ทางอารมณ์ (Emotional Experience) เช่น ความรู้สึกที่ได้รับจากการรับรู้แบรนด์ เป็นต้น
รูปภาพประสบการณ์ทางอารมณ์ของแบรนด์เปิดในหน้าต่างใหม่

ประสบการณ์ทางอารมณ์ของแบรนด์
ประสบการณ์แบรนด์เป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจ เนื่องจากช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และเกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์

ตัวอย่างของประสบการณ์แบรนด์ที่ดี ได้แก่

แบรนด์ Apple ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและมั่นใจในแบรนด์
รูปภาพประสบการณ์แบรนด์ของ Appleเปิดในหน้าต่างใหม่

ประสบการณ์แบรนด์ของ Apple
แบรนด์ Starbucks ให้บริการที่อบอุ่นและเป็นมิตร ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อมาใช้บริการ
รูปภาพประสบการณ์แบรนด์ของ Starbucksเปิดในหน้าต่างใหม่

ประสบการณ์แบรนด์ของ Starbucks
แบรนด์ Coca-Cola สื่อสารคุณค่าของแบรนด์ในด้านความสุขและความสนุกสนาน ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกมีความสุขเมื่อดื่มเครื่องดื่มของ Coca-Cola
รูปภาพประสบการณ์แบรนด์ของ CocaColaเปิดในหน้าต่างใหม่

ประสบการณ์แบรนด์ของ CocaCola
ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ดี โดยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น วัตถุประสงค์ของธุรกิจ สถานการณ์ทางการตลาด ทรัพยากรที่มี เป็นต้น

ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ดีได้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น

การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย จะช่วยสร้างประสบการณ์ทางกายภาพที่ดีให้กับลูกค้า
การให้บริการ การให้บริการที่อบอุ่นและเป็นมิตร จะช่วยสร้างประสบการณ์ทางกายภาพที่ดีให้กับลูกค้า
การสื่อสารแบรนด์ การสื่อสารแบรนด์ที่ตรงกับความต้องการและความรู้สึกของลูกค้า จะช่วยสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ธุรกิจควรศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ดีและประสบความสำเร็จ

ปี 2023 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสําหรับนักการตลาดออนไลน์

ปี 2022 ถือได้ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสําหรับนักโฆษณาอย่าง google ads รวมทั้ง SEO และบรรดาผู้ผลิตสื่อ ไม่ว่าจะเป็น “CTV” หรือโทรทัศน์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต กับ “media sustainability” ที่พูดถึงการทําสื่อก็ควรคํานึงถึงปัจจัยอย่างการรักษ์โลก ซึ่งคิดว่า ทั้งสองเทรนด์นี้เป็นเทรนด์สำคัญที่ทางแบรนด์ควรมีความรู้ติดตัวไว้ก่อนเข้าสู่ปี 2023

ผู้บริโภคขยับออกจากโทรทัศน์แบบดั้งเดิมมากขึ้น สู่สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม

ในอนาคตผู้บริโภคจะเปลี่ยนจากโทรทัศน์แบบเดิมไปยังสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การลงโฆษณาต้องกระจายไปที่สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ก็เพื่อมีเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชม และอรรถรสในการชมระดับพรีเมียมมากขึ้น

และในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้รับชมแบบสตรีมมิ่งเกินการใช้เคเบิลเป็นครั้งแรก เป็นเพราะผู้ชมส่วนใหญ่รับชมการถ่ายทอดสดกีฬา (ฟุตบอลโลก) เป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ออกอากาศทางโทรทัศน์แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้บริโภคมีเหตุผลมากพอจะสมัครสตรีมมิ่ง และการลดการสมัครของเคเบิลลง ประกอบ 2 ปีที่ผ่านมาสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Netflix และ Disney+ งัดกลยุทธ์ราคาที่ถูกขึ้น เลยให้ผู้ที่อยากลงโฆษณาหันมาสนใจ CTV ในอัตราที่มากขึ้นนั่นเอง

ผลิตสื่อก็ควรมีความ “รักษ์โลก”

การเพิ่มขึ้นของสื่อกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับผู้บริโภค ในการพิจารณาต่อแบรนด์สินค้า จากการวิจัยของ Microsoft Advertising 77% ของผู้คนทั่วโลกกล่าวว่าในเวลา 5 ปี ผู้บริโภคต้องการใช้เงินกับแบรนด์ที่ทำโฆษณาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการค้นพบว่าปัจจุบันดิจิทัลมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าอุตสาหกรรมการบิน! แถมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง